Phraya Pariyattithammathada (Phae Talalak
Quick Facts
Biography
อำมาตย์เอก เสวกเอก พระยาปริยัติธรรมธาดา นามเดิม แพ ต้นสกุล ตาละลักษมณ์ อดีตเจ้ากรมราชบัณฑิตขวา
ประวัติ
พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปีจอ พ.ศ. 2405 ที่ตำบลบ้านเพรียง อำเภอโพไร่หวาน จังหวัดเพชรบุรี บิดาชื่อพ่วง มารดาชื่อปิ่น ในวัยเด็กได้ไปอยู่เล่าเรียนหนังสือที่วัดห้วยเสือ และวัดมหาสมณาราม จังหวัดเพชรบุรี ตามลำดับ ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรและเล่าเรียนพระปริยัติธรรมคือภาษาบาลี จนอายุ 19 ปี จึงได้เข้ามาเล่าเรียนต่ออยู่ในสำนักสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ เข้าแปลพระปริยัติธรรมสนามหลวงได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พอดีอายุครบอุปสมบท จึงได้อุปสมบท ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามนั้น โดยสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้ลาสิกขาออกไปรับราชการ โดยได้เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เข้ารับราชการอยู่ในกรมศึกษาธิการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2430 เป็นต้นมา และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนประเสริฐอักษรนิติ ถือศักดินา ๕๐๐ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2432ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2440 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงประเสริฐอักษรนิติ มีตำแหน่งราชการในกรมศึกษาธิการ ถือศักดินา 800 แล้วเลื่อนขึ้นเป็น พระปริยัติธรรมธาดา ตำแหน่งเจ้ากรมราชบัณฑิตขวา เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2451ถึงรัชกาลที่ 6 ได้เลื่อนขึ้นเป็น พระยาปริยัติธรรมธาดา
พระยาปริยัติธรรมธาดา เป็นเพียงเปรียญ 4 ประโยคก็จริง แต่โดยที่ท่านได้เล่าเรียนมาในสำนักอาจารย์ที่นับว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาพระองค์หนึ่งในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ซึ่งทรงได้รับสมญานามว่า "พระสังฆราช 18 ประโยค" เพราะทรงสอบประโยค 9 ได้สองครั้ง ท่านจึงมีความเชี่ยวชาญทางภาษาและอักษรศาสตร์ เป็นเยี่ยมคนหนึ่งในยุคนั้น ท่านสามารถพูดได้หลายภาษาโดยเฉพาะภาษาบาลีและสันสกฤต ทั้งเป็นผู้สนใจในทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี
พระยาปริยัติธรรมธาดา ได้สร้างผลงานทางอักษรศาสตร์และโบราณคดีไว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านภาษาบาลีและสันสกฤต ท่านเป็นผู้จัดทำปทานุกรมไทย ฉบับกระทรวงธรรมการ ซึ่งถือว่าเป็นฉบับทางราชการ สำเร็จเป็นคนแรก เป็นผู้เรียบเรียงพจนานุกรมบาลี-ไทย ที่เรียกว่า พระบาฬีลิปิกรม ซึ่งเป็นพจนานุกรมบาลี-ไทย ที่เรียบเรียงโดยคนไทย สำเร็จเป็นคนแรก
ในปี พ.ศ. 2450 เมื่อครั้งยังเป็นหลวงประเสริฐอักษรนิติได้พบต้นฉบับพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่บ้านราษฎรแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี จำนวนหนึ่งเล่มสมุดไทย ความเริ่มตั้งแต่ก่อนตั้งกรุงจนถึงสิ้นรัชสมัยพระนเรศวร จึงขอมาให้แก่หอพระสมุดวชิรญาณ กรรมการหอพระสมุดเห็นเป็นหนังสือพระราชพงศาวดารแปลกจากฉบับอื่น ๆ ที่มีแล้ว จึงให้เรียกชื่อว่า "พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์" ให้เป็นเกียรติยศแก่ผู้พบ และนำมามอบให้หอพระสมุด ซึ่งพงศาวดารฉบับดังกล่าวนี้ปัจจุบันเชื่อว่ามีความถูกต้องแม่นยำในด้านศักราชของเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นอันมาก
เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2457 ขณะที่ท่านมีบรรดาศักดิ์เป็น พระปริยัติธรรมธาดา นั้น ท่านได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "ตาละลักษมณ์ - Talalakshmana" เป็นนามสกุลลำดับที่ 1234
พระยาปริยัติธรรมธาดา ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2469 ด้วยโรคเบาหวานและท่อปัสสาวะพิการ ที่บ้านเลขที่ 148 เชิงสะพานรามบุตรี ถนนจักรพงษ์ ตำบลชนะสงคราม อำเภอชนะสงคราม จังหวัดพระนคร สิริอายุได้ 65 ปี
ยศ ตำแหน่ง และบรรดาศักดิ์
- 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 - อำมาตย์โท พระยาปริยัติธรรมธาดา เจ้ากรมราชบัณฑิตขวา ถือศักดินา ๑๐๐๐
- 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 - อำมาตย์เอก
ผลงาน
งานด้านภาษาบาลีนั้นนับว่าเป็นงานที่ท่านรักและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ผลงานทางภาษาบาลีของท่านล้วนเป็นงานชั้นบุกเบิก และไม่ซำแบบใคร เท่าที่สามารถรวบรวมได้ขณะนี้ คือ
- ธาตุพนมกัจจายน์ แปลคัมภีร์กัจจายนธาตุเป็นภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2456
- พระมูลกัจจายนสูตร แปลมูลกัจจายนสูตรเป็นภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2457
- รัตนพิมพวงษ์ ตำนานพระแก้วมรกต แปลเมื่อ พ.ศ. 2449 และพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2455
- มูลกัจจายนอุณาทิ (ชื่อเป็นอักษรขอม) แปลคัมภีร์กัจจายนอุณาทิเป็นภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2458
- หนังสือ พระบาฬีลิปิกรม แปลลำดับศัพท์คำบาฬีเป็นไทย เป็นพจนานุกรมบาลี-ไทย ที่เรียบเรียงโดยคนไทยเล่มแรก บรรจุคำบาลีไว้ถึง 64,000 คำ มีความหนาถึง 2000 หน้า พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2459 หนังสือเล่มนี้ท่านใช้เวลาในการเรียบเรียง 4 ปี และใช้เวลาในการเรียงพิมพ์และตรวจทานจนพิมพ์เสร็จเรียบร้อยอีก 4 ปี
ส่วนงานแปลภาษาบาลีเป็นไทยนั้น ท่านก็ได้ทำไว้เป็นจำนวนมาก เท่าที่รวบรวมได้ขณะนี้คือ
- ตำนานพระพุทธสิหิงค์ แปลเมื่อ พ.ศ. 2449 พิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2475
- ศุภอักษรอัครมหาเสนาบดีไทยมีไปถึงอัครมหาเสนาบดีลังกา และพิมพ์ครั้งแรก (ในเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป) เมื่อ พ.ศ. 2457
- จามเทวีวงศ์ พงศาวดารเมืองหริภุญไชย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2463
- คัมภีร์มหาวงศ์ พงศาวดารลังกา พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2463
- สังคีติยวงศ์ พงศาวดารเรื่องการสังคายนาพระธรรมวินัย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2466
- สมณศาสน พระเถระธรรมยุติกามีไปยังลังกาทวีป พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2468
งานแปลด้านภาษาสันสกฤต ก็น่าจะมีจำนวนหลายเรื่องเช่นกัน แต่ที่พบในขณะนี้มี 2 เรื่อง
- ลลิตวิสตร ปฐมสมโพธิฝ่ายมหายาน แปลและพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2453 (ร.ศ.129)
- สุขาวดีวยุหมหายานสูตร พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2463
ส่วนงานเรียบเรียงนั้น เท่าที่รวบรวมได้ในขณะนี้ 5 เรื่อง คือ
- ปทานุกรม ฉบับกระทรวงธรรมการ เรียบเรียงเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2434
- เรื่องโบราณศึกษา พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือวชิรญาณเมื่อ พ.ศ. 2439
- หนังสือ ทศชาดก (เรื่องพระเจ้า 10 ชาติ) ลำนำกลอนสวด เรียบเรียง พ.ศ. 2442
- 200 ปี สุนทรภู่และตำนานเมืองเพชรบุรี เรียบเรียงเมื่อ พ.ศ. 2456
- ตำนานเมืองเพชรบุรี เรียบเรียงเมื่อ พ.ศ. 2464
ผลงานของพระยาปริยัติธรรมธาดา ทุกเรื่องนับว่าทรงคุณค่าทางวิชาการและเป็นงานที่แสดงถึงภูมิปัญญาอันสูงส่งของท่าน สมควรจารึกไว้เป็นตำนานว่า ท่านเป็นเมธีไทยคนหนึ่งในยุครัตนโกสินทร์
ครอบครัว
พระยาปริยัติธรรมธาดา ได้รับสมรสพระราชทานกับคุณหญิงวาด ปริยัติธรรมธาดา (สกุลเดิม วรกิจโภคาทร) มีบุตรธิดา รวม 5 คน ได้แก่
- นางสาว พัชนี ตาละลักษมณ์
- เด็กหญิง ภูษา ตาละลักษมณ์
- พลโท ปาระณี ตาละลักษมณ์
- นาง สุภาพ (ตาละลักษมณ์) สันตะกุล
- เด็กหญิง เพ็ญ ตาละลักษมณ์
นอกจากนั้น พระยาปริยัติธรรมธาดา ยังมีบุตรธิดาอีก ดังนี้
- นางสาว เจริญศรี ตาละลักษมณ์
- นางสาว เฉลิมวงศ์ ตาละลักษมณ์
- นาง เพียงพิจ รายะเลข
- นาย อาจ ตาละลักษมณ์
- นางสิทธิธนรักษ์ (เภตรา พีชผล)
- นางพยุงเวชศาสตร์ (เพทาย พยุงเวช)
- ร้อยตรี เขมี ตาละลักษมณ์
- นาง สำเภา สุวรรณมาลิก
- พันตำรวจเอก บุณณะ ตาละลักษมณ์
- นางแพร้ว ตาละลักษมณ์
- ร้อยโท ณ เณร ตาละลักษมณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2456 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. 2451 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
- พ.ศ. 2435 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- พ.ศ. 2456 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
- พ.ศ. 2456 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 4 (ว.ป.ร.4)
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)